ดูหนังใหม่

ดูหนังใหม่

ดูหนังใหม่ เหมือนกับ “จอร์จ มองฮาเมล” เอาจริงเอาจังๆไปรีเสิร์ชมองก็พบว่าบทผู้แสดงนำชายถูกเปลี่ยนแปลงมาหลายๆคน ไล่ตั้งแต่ ไรอัน เรย์โนลด์ส มาถึง อาร์มี่ ฮารเมอร์ ที่ถอนตัวไปก่อนที่จะถ่ายทำ บทนี้ใครก็ตามเล่นก็ดูดีมีเสน่ห์ ถึงแม้ลักษณะค้างแรกเตอร์ตัวนี้ค่อนข้างจะแปลกๆไปหน่อย เนื่องจากเป็นข้างชายที่มิได้เพอร์เฟค มิได้มีอะไรเด่น ค่อนข้างจะจืดจางไปเสียด้วยซ้ำ แม้กระนั้นจอร์จกลับทำให้ผู้แสดงนี้มองมีเสน่ห์ยิ่งมาได้

ระหว่างที่ดาราสมทบผู้อื่นเป็นแย่งซีนกันสะดุดตาเกือบจะทุกคน ไม่ว่าจะเป็น “เจนนิเฟอร์ คูลิดจ์” คนนี้ว่าจ้างร้อยเล่นล้านเสมอ ถึงหน้าที่ของคุณนั้นแสนจะซ้ำซากจำเจสุดๆและเคยได้เห็นคุณเล่นอะไรแบบงี้มาเยอะแยะแล้ว แม้กระนั้นก็ยังรื่นเริงกับการเป็นตัวจี๊ดของเรื่องได้อยู่ รวมถึง “เลนนี แครพิตซ์”, “ชอนคุณย่า บราก้า”, “ชีช มาริน” หรือ “สตีฟ วัวลเตอร์” พวกเขาเป็นสีสันที่มาช่วยเติมแต่งให้กับหนังหัวข้อนี้ให้พราวเพิ่มขึ้น

ในตอนที่บางบุคคลบางทีอาจเบาๆจิบ เสพความร่ำรวยของลอสแองเจลิสในสมัยที่ยังไม่มีป้าย Hollywood โผล่ขึ้นมา และก็ประวัติศาสตร์ฮอลลีวูดที่คู่รักหนังจะถูกใจมันมากมายๆแม้กระนั้นนั่นแหละ มันเป็นหนังที่พาพวกเราเมาได้เร็วมากๆถ้าเกิดคุณเป็นคนชอบดูหนังที่คอแข็ง จิตแข็งเพียงพอ ก็ยังหามุมสำราญใจ เก็บแก่นดีๆเสพความร้ายกาจ เสพความ Love & Hate Relationship (ความเกี่ยวเนื่องแบบทั้งยังรักอีกทั้งรังเกียจ)

Crash Course in Romance เกิดเรื่องราวของ ‘นัมแฮงชอน’ ม่าม้าเลี้ยงผู้เดียวสมัยก่อนนักกีฬากลุ่มชาติระดับประเทศ ที่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาเป็นเจ้าของร้านค้าของเคียงโด่งดัง จวบจนกระทั่งวันหนึ่งคุณจะต้องกลับเข้ามาเกี่ยวพันในวังวนของการศึกษาเล่าเรียน เพราะเหตุว่า ‘นัมแฮอี’ บุตรสาวที่กำลังเรียนอยู่ม. ปลายอยากติวเตอร์คณิตแบบด่วนๆเพื่อมาช่วยคุณเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย

โน่นก็เลยเป็นจุดเริ่มที่ทำให้นัมแฮงชอนโคจรมาเจอกับ ‘ชเวชียอล’ ติวเตอร์เลขตัวท็อปกับดีกรีความเก่งกล้าลำดับหนึ่งของประเทศ ที่บิดามารดาทุกคนต่างก็ฉกชิงที่นั่งให้ลูกตนเองได้เข้าห้องเรียนในคลาสสุดพิเศษของเขา ฮอลลีวูดที่ชาเซลล์ใส่เอาไว้ข้างในหนังได้แบบลื่นๆหรือไม่ก็บางครั้งก็อาจจะแรงไปจนกระทั่งทำให้เมา อาเจียน และก็น็อกจนถึงภาพตัดไปเลยก็เป็นไปได้

รีวิวThe Woman King

มหาศึกวีรสตรีเหล็ก เป็นหนังที่ได้แรงจูงใจมาจากความเป็นจริงของ Agojie หน่วยรบหญิงสุดแข็ง ที่รอคุ้มครองอาณาจักร Dahomay ในตอนปี 1800s สมัยที่การล่าอาณานิคมรวมทั้งกิจการค้าข้าทาส นี่เป็นหนังแอ็คชันดราม่า ที่มิได้เน้นย้ำแอ็คชันสักเท่าไหร่ ฉากต่อสู้แบบจริงๆจังๆพวกเราได้มองเห็นมันราวๆ 2-3 ฉากแค่นั้น รวมทั้งมันก็ไม่ใช่การต่อสู้แบบยิ่งใหญ่อลังกาลอะไร แม้กระนั้นมันมีความลื่นไถลไหล

สม่ำเสมอ คิวเป๊ะ มันให้ความรู้ความเข้าใจสึกราวกับหนังสงครามอดีต ที่มิได้จุดโฟกัสคะๆที่ผู้แสดงเดียวมีฉากสโลว์โก้ๆอะไรอย่างงั้น แต่ว่ามันจะเป็นเสมือนกล้องถ่ายรูปกระโดดลงไปในการศึกที่มีตัวละครอีกทั้ง Foreground แล้วก็ Background วิ่งวุ่นวายกันเยอะไปหมด การออกลีลาท่าทางของแต่ละผู้แสดงที่กล้องถ่ายรูปมันก็เลยมองจริง แม้ว่าการตัดต่อมันจะส่งอารมณ์ความระทึกใจของฉากนี้ได้ไม่มากพอก็ตาม

แม้กระนั้นเนื่องจากว่าเขาเป็นผู้ที่ตั้งใจตั้งอกตั้งใจดำเนินงานอย่างมากนั่นเอง มันก็ได้ทำให้เขาแปลงเป็นคนเย็นชาต่อการมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนรอบข้างไปแถมยังรวมถึงการเฉยชาสำหรับเพื่อการดูแลตนเองอีกด้วย จนกว่าภายหลังวันที่เขาได้เจอกับนัมแฮงชอนผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานบวก ความรู้สึกดีแสนแปลกแล้วก็ค่อยๆก่อตัวเป็นความชมรมเชิงโรแมนติกแบบไม่คาดคิดและก็เบาๆคลายเงื่อนในใจของทั้งสองไปพร้อมเพียงกัน

จะต้องบอกเลยว่านี่เป็นก้าวย่างที่เติบโตขึ้นแล้วก็แข็งแรงขึ้นของหนังภาคต่อในภาคแยกประเด็นนี้ แม้ว่าจะมีทั้งทีมผู้ผลิตชุดเริ่มแรกและก็ชุดใหม่มาร่วมแรงผนึกกำลังสร้างภาพยนตร์ประเด็นนี้ แต่ว่ามันแปลงเป็นผลงานที่น่าประทับใจกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เสียอีก ในภาคนี้ได้ผู้กำกับดาวรุ่ง “โจเอล คคอยว์ฟอร์ด” ที่พึ่งจะแจ้งเกิดขึ้นมาจาก The Croods: A New Age นี่ได้ผลสำเร็จหน้าที่การงานควบคุมหนังสุดกำลังเรื่องที่ 2 ของเขา แล้วก็เห็นได้ชัดว่ามีปรับปรุงในทางที่ดี

ที่แท้ โจเอล คคอยว์ฟอร์ด ก็คือคนเบื้องหน้าเบื้องหลังสถานที่สำหรับทำงานอยู่กับดรีมส์เวิร์ก แอนิเมชั่น มายาวนานยาวนานหลายปี แต่เดิมเขาในอยู่ในตำแหน่งนักเล่าเรื่องในผลงานดังๆจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น Kung Fu Panda, Trolls หรือแม้กระทั้ง Shrek Forever After ก็ด้วย พึ่งถูกโปรโมตขึ้นมาเป็นผู้กำกับเต็มกำลัง กลับมาในหนังหัวข้อนี้เขาถือเอาแนวถนัดของตนเอง มาผสมกับการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยจังหวะทำนองแล้วก็จังหวะที่ค่อนข้างจะพอดี

สำหรับ ‘Junji Ito Maniac: Japanese Tales of the Macabre’ นี้เป็นความบากบั่นครั้งที่ 2 ของ Studio Deen เจ้าเดิมที่เคยทำแอนิเมะรวมตอนได้รับความนิยมเมื่อปี 2018 แม้กระนั้นรอบนี้เปลี่ยนแปลงมาลงผ่านทางเน็ตฟลิกซ์ แล้วก็แม้ว่าจะแปลงชื่อเป็น Maniac แต่เนื้อแท้มันก็อาจจะกล่าวว่าเป็น ‘Junji Ito Collection 2‘ อีกทั้งแนวทางการเสนอ 2 เรื่องสั้นรวมเป็น 1 ตอน อีกทั้งซีซันมี 12 ตอน

ความเปลี่ยนและก็เรื่องราวเหนือความคาดหวังของผู้ชม เป็นการยั่วล้อกับความรู้สึกที่ว่าเรื่องอย่างนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริงของคนเราพวกเราหรือไม่ ยังไม่รวมถึงการถามว่า ระหว่างการถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ครอบครองเรื่อง กับการแปลความหมายของดาราหนังนั้น อาจจะเกิดเรื่องเดียวกัน แต่ว่าเมื่อมันถูกถือเอามาติดต่อในต้นแบบที่ตัวดาราหนังเองไม่เข้าอกเข้าใจถึงราวนั้นจริงๆที่เล่าตำนานหงอคงจะในรูปแบบใหม่ฉายทาง Netflix มากุมบังเหียน

สิ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องราวคำพูดของนายสุริยนเต็มไปด้วย ชีวิตอันแสนพิลึก ซับซ้อนแล้วก็มองไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริงกับชีวิตคนเรา ซึ่งความเกี่ยวเนื่องของเขากับอมร เพ็ชรรัตน์ (แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุข) อดีตกาลสาวงามประจำจังหวัด และก็เมียคฤหบดีที่ร่ำรวยที่สุด พูดได้ว่าเป็นความพิลึก เมื่อหญิงงามรุ่นราวคราวลูกจะต้องมาสมรสกับชายวัยคราวบิดา จนกระทั่งให้กำเนิดลูกชายมาหนึ่งผู้ที่ชื่อว่าภูเขา (ฮัท-จิรวิชญ์ ดงษ์สวย) แต่ว่าแล้วเรื่องราวจากนั้นอมร

ถ่ายทอดมากมายว่า 4 ซีซัน สำหรับอนิเมะ Attack on Titan เรื่องราวเบาๆคลี่คลายประสมประสานไปกับความเข้มข้นที่สร้างความตรึงตาตรึงใจให้ผู้ชมอย่างล้นหลาม และก็เพิ่มความสนุกสนานครบรสได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าเกิดพลาดรับดูไปจำเป็นต้องเสียดายจริงแท้แน่นอน รวมทั้งที่คนอีกหลายๆคนเอ่ยกันปากต่อปาก ถ้าเกิดเข้ารับดูแล้วไม่ว่าจะซีซันไหนก็จำเป็นต้องย้อนมองตั้งแต่เริ่ม เพื่อค้นหาเงื่อนแล้วก็คำตอบที่หลบซ่อนเอาไว้ ในเมื่อมาถึงผลสรุปของอนิเมะหัวข้อนี้แล้ว

แน่ๆว่ากว่าจะเป็นที่เอ่ยถึงของแฟนอนิเมะอย่างในตอนนี้ แล้วก็หลอมรวมแฟนอนิเมะได้มากมายขนาดนี้ ผลงานต้นฉบับที่เคยเป็นมังงะมาก่อนนั้น โดยคนเขียนเป็น Hajime Isayama ได้รับรางวัลมากมายก่ายกองอย่างยิ่งจริงๆ เป็นต้นว่า Kodansha Manga Award, Attilio Micheluzzi Award รวมทั้ง Harvey Award ทั้งยังมังงะยังมียอดพิมพ์ฉบับหนังสือมากยิ่งกว่า 110 ล้านเล่มทั่วทั้งโลก ในก.ย. พุทธศักราช 2565 ทำให้เป็นเลิศในมังงะที่ขายได้มากที่สุดชั่วกัลปวสาน

รีวิว สกิลสุดแปลกประหลาดกับมื้อของกินในต่างโลก ตอนต้น ของกินพาน้ำลายไหล!

ถ่ายทอดต้อนรับลมเย็น 2023 แบบหอมเมนูอาหารทะลุจอกันแล้ว สำหรับอนิเมะ สกิลสุดแปลกประหลาดกับมื้อของกินในต่างโลก หรือ Tondemo Skill de Isekai Hourou Meshi (Campfire Cooking in Another World) อนิเมะใหม่ 2023 ที่น่าเฝ้าดูจากการสร้างแอนิเมชันโดยสตูดิโอ MAPPA ที่ส่งผลงานอนิเมะมีชื่อออกมามากไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในอนิเมะหัวข้อนี้

นับว่าเปิดตัวกระจายเสียงออกมาได้อย่างน่าติดตาม เพราะว่ามีความเร็วสำหรับในการเดินเรื่องราว และก็ภาพเคลื่อนไหวที่พาหิวไปกับเมนูอาหารในอนิเมะ รวมทั้งแนวทางงานสร้างที่ยังคงเป็นงานวาด 2 มิติโดยผสมระหว่างลายเส้นการออกแบบผู้แสดงของคุณครูอิโตะและก็ลายเส้นหยาบๆแบบแอนิเมะรายสัปดาห์ตกลงว่า Shotgun Wedding ฝ่าสมรสระห่ำ เป็นหนังรอมคอมตลกขบขันตามสไตล์ที่เกือบจะไม่มีอะไรใหม่เลย

กลับสร้างความรื่นเริงใจให้กับผู้ชมได้อย่างเต็มเปี่ยม บทหนังจะออกจะอ่อน พล็อตค่อนข้างจะจำเจ แต่ว่าด้วยเหตุว่าได้เคมีดีๆของผู้แสดงและก็การเข้าขากันอย่างดีเยี่ยมของกลุ่มแคสติ้งหนังประเด็นนี้ ก็เลยทำให้ตลอดเวลาชั่วโมงเศษๆของหนังหัวข้อนี้ได้ยิ้มแล้วก็หัวเราะตามไปกับมุกที่เฮฮาบ้าง ไม่ตลกบ้าง นี่แหละ…มันถึงจะเป็นเสน่ห์อีกแบบของหนังรอมคอมที่งานสร้างไม่ใหญ่ แต่ว่าย้ำเล่นใหญ่ไว้ก่อน

หากแม้ Crash Course in Romance จะมีคำว่าโรแมนซ์อยู่ในชื่อ รวมทั้งเสมือนจะถูกจัดอยู่ในพวกซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ มองเพลิดเพลินๆสบายๆแม้กระนั้นพล็อตสำคัญของเรื่องที่สะท้อนภาพการเรียนของประเทศเกาหลีใต้ ทั้งยังความนิยมการศึกษาเล่าเรียนพิเศษอย่างมากแบบยามเช้าจนถึงเย็นในกลุ่มผู้เรียน อีกทั้งภาระหน้าที่งานของอาจารย์ที่จำเป็นต้องดูแลงานอื่นๆกระทั่งไม่สามารถที่จะจุดโฟกัสกับการสอนสิ่งเดียวได้

อีกทั้งเหล่าผู้ดูแลผู้เคร่งที่ถึงกับขนาดจะต้องมารวมตัวกันหาที่เรียนพิเศษที่เยี่ยมที่สุดให้กับบุตรหลาน ลุกลามไปจนกระทั่งปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นมาจากความคาดหมายที่มากเกินความจำเป็นของบิดามารดาแล้วก็รอยแผลทางจิตใจของผู้แสดงที่เบาๆพาพวกเราตรงลึกลงไปในความรู้สึกงงของผู้แสดงทีละเล็กละน้อย

The Pale Blue Eye เล่าเหตุเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวสต์พอยต์ ปี 1830 ช่วงเช้าตรู่ของหน้าหนาวอันเงียบสงบวันหนึ่ง มีนักเรียนนายร้อยคนหนึ่งถูกพบว่าเสียชีวิต แต่ว่าภายหลังศพของเขาส่งไปถึงสถานที่เก็บศพ เรื่องโศกเศร้าคราวนี้ได้เปลี่ยนเป็นความชั่วร้ายทารุณไร้มนุษยธรรม เมื่อมีการศึกษาและทำการค้นพบว่าหัวใจของเด็กนักเรียนนายร้อยคนนี้ได้ถูกล้วงออกไปโดยความสามารถของใครสักคนที่มีความเก่ง

ด้วยความหวั่นหวาดว่าความเสียหายต่อสถานศึกษาทหารที่พึ่งจะจัดตั้งขึ้นคราวนี้จะแผ่ขยายไปจนกระทั่งไม่บางทีอาจปรับปรุงได้ ประธานของสถานที่เรียนก็เลยหันไปพึ่งสายสืบในเขตแดนอย่างออกัสตัส แลนดอร์ เพื่อมาช่วยไขปัญหาการฆาตกรรม แต่ทว่าด้วยปัญหาจากการที่ผู้เรียนนายร้อยต่างปิดปาก เขาก็เลยจำเป็นต้องอ้อนวอนสำหรับในการคลี่คลายคดีจากเด็กนักเรียนนายร้อยบุคลิกลักษณะแปลก

ถ้าหากเปรียบเทียบกับภาคแรกนั้น ก็จะเห็นได้ชัดว่า Puss in Boots: The Last Wish ออกจะมีความแข็งแกร่งในสตอปรี่แล้วก็วิวัฒนาการของนักแสดงก็เติบโตตามขึ้นไปด้วย โดยหัวข้อนี้ได้คนเขียนบทจาก The Croods: A New Age อย่าง “พอล พิชเชอร์” กลับมาร่วมงานกัน โดยที่มี “ทอม วีเลอร์” ผู้เขียนบทละครภาคแรกมาช่วยมองสตอปรี่ให้ ทั้งยังมี “จานูล เมอร์ค้างโด” มาช่วยเลี้ยงดูงานดูแลให้อีกส่วน ก็เพื่อเก็บตกวัฒนธรรมลาตินในหนังนั่นเอง

หากว่าส่วนประกอบและก็เค้าเรื่องของหนังนั้น ค่อนข้างจะเบาสมองและก็มองเด็กไปสักนิดสักหน่อย แต่ว่าก็มีเส้นเรื่องที่ค่อนข้างจะแข็งแรงแล้วก็ชัดแจ้งดี ดำเนินเรื่องไปตามสูตรที่ตรงล็อกและก็ตรงจังหวะ กลั่นออกมาเป็นความรื่นเริงและก็ความสนุกสนานให้กับผู้ชมทุกเพศทุกวัย งานสร้างของ Puss in Boots: The Last Wish ก็น่าระทึกใจแบบที่มิได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะมาพบอะไรอย่างนี้ สิ่งที่ได้มองเห็นในครั้งเซอร์แบบอย่างหนังนั้น เป็นแค่เพียงน้ำปรุงรสเรียกน้ำย่อยเพียงแค่นั้นจริงๆ

แม้ว่าจะมีความแยกกระโดดกันในทุกตอน แม้กระนั้นแม้มองด้านหลังเพลงเครดิตจบดีๆจะมีเสียงเล่าปัญหารอเล่าในตอนหน้าแบบไม่ชัดแจ้งสั้นๆอยู่ และก็ถ้านำช่วงท้ายเครดิตกลุ่มนี้มาเรียงร้อยกันจะพบว่าเรื่องราวทั้งสิ้นที่พวกเราได้ดูไปๆมาๆจากคนเจ็บโรคประสาทที่ใช้นิ้วขูดเขียนตัวเขียนไปบนฝาผนังให้เลือดบันทึกเรื่องราวที่เขาได้ยินได้มองเห็นเอาไว้จนถึงกระดูกนิ้วโผล่ออกมา ก็ถือว่าเป็นส่วนที่ ‘Junji Ito Maniac’ นี้แอบทำไว้ได้น่าดึงดูดมากมายๆสำหรับการเชื่อมโยงซีรีส์ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกัน

ติดอยู่แรกเตอร์นักแสดงในภาคนี้ยังสะดุดตาไม่ธรรมดาได้แก่เดียว กล่าวได้ว่าหนังสามารถปลุกปั้นรวมทั้งสร้างทุกนักแสดงออกมาได้ทุกเด่น น่าจำทุกตัวจริงๆ”อันโตนิโอ บันเดรัส” ยังกลับมารับหน้าที่ให้เสียงและก็เป็นพุซ ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และก็ทำให้ผู้ชมเรียกร้องหาอย่างดีเยี่ยม เหมือนกันกับ “ซัลมา ฮาเยก” ก็มาเป็นแมวสาว คิตตี้ ซอฟต์พาวส์ อันทรงเสน่ห์ ผู้แสดงคู่นี้มากับเส้นเรื่องที่ชัดแจ่ม แล้วก็มีมิติอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในหนังแอนิเมชั่น

รวมทั้งผู้ชมควรต้องเผลอไผลและก็เอ็นดู พร้อมทั้งทุ่มเทใจให้กับผู้แสดงใหม่ อย่าง “เปอร์ริโต้” สุนัขชิวาว่าที่เปลี่ยนร่างตนเองเป็นแมว เป็นตัวละครลักขโมยซีนในหนังแอนิเมชั่นที่ยอดเยี่ยมในรอบทศวรรษเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่มาปฏิบัติหน้าที่แย่งซีน แม้กระนั้นยังเป็นตัวจี๊ดที่เต็มไปด้วยมิติอย่างน่าพิศวง ตัวประกอบที่มีภูมิหลังรวมทั้งเรื่องราวที่น่าค้นหามากมายๆทั้ง “ฮาร์วีย์ กิลเลน” ก็มาให้เสียงบรรยายเจ้าตัวละครนี้ได้อย่างสนุกสนานไม่น้อย

รีวิว It’s in the Woods

ไม่รู้เรื่องจะเขียนรีวิวอย่างไร มันผิดจากที่คิด เกินคาด เหนือความมุ่งมาดไปมากมาย เป็นความแปลกที่ตัวเราไม่ค่อยได้มองเห็นจากหนังประเทศญี่ปุ่นมากแค่ไหน ไม่ทราบจะเขียนอย่างไรไม่ให้สปอยล์แบบเดียวกัน ตกลงว่ามันไม่ใช่หนังอย่างที่คุณคิดแน่นอนIt’s in the Woods สำเร็จงานของผู้กำกับฮิเดโอะ นากาตะ ที่เคยฝากผลงานเอาไว้ใน ริง คำแช่งมรณะ (1998) และก็ Dark Water (2002) โอกาสนี้เขากลับมาอีกรอบ ด้วยเรื่องราวของ “มัน” ที่อยู่ในป่า

จำต้องบอกตามจริงเป็นหนังตั้งอกตั้งใจหลอกตั้งแต่แบบอย่าง ถ้าหากใครกันแน่ได้ดูตัวอย่างจะมองเห็นได้ว่าหนังมีการเซ็นเซอร์ “มัน” สิ่งจำเป็นของหนังประเด็นนี้เอาไว้ รวมทั้งตัดแบบอย่างมานำเสนอในแบบอย่างเป็นหนังสยองขวัญเหมือนกับหนังผีและเพลงประกอบชักชวนหลอน แม้กระนั้นเอาเข้าจริงมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด คนเกลียดชังหนังผีมองได้แน่ๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์มีคนเจอศพในป่าและก็การล่องหนไปของเด็กๆในเมือง ทำให้มีการเกิดความข้องใจว่ามันกำเนิดอะไรขึ้นในป่าที่นี้กันแน่

ยิ่งไปกว่านี้ยังมี “ฟลอเรนซ์ พิวจ์” ที่มาให้เสียงบรรยายเป็น โกลดี้ ที่บางทีอาจจะน่าผิดหวังไปเสียหน่อย เนื่องจากรู้สึกว่าผู้แสดงนี้จะเด่นมากยิ่งกว่านี้ แต่ค้างแรกเตอร์ก็ยังเต็มไปด้วยมิติของบทอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน แล้วก็อีกผู้แสดงแย่งซีนก็น่าจะเป็น แจ็ค ฮอร์เนอร์ อดีตกาลหนูน้อยนิ้วโป้งอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มาเล่นใหญ่เล่นโตโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นคนร้ายที่บางทีก็อาจจะอ่อนแอไปหน่อย แม้กระนั้นก็เบิกบานก้าวหน้าจากเสียงบรรยายของ “จอห์น มูลานีย์”

ด้วยเหตุผลดังกล่าวโดยภาพรวมแล้ว Puss in Boots: The Last Wish เป็นหนังแอนิเมชั่นที่ออกจะได้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าแปลกใจไม่น้อย เนื่องจากว่ามาตรฐานที่ภาคแรกเคยทำเอาไว้แค่เพียงหนังภาคแยกที่ให้ความรู้ความเข้าใจสึกเฉยๆแค่นั้น กลับมาในภาคนี้กลับเต็มไปด้วยแนวการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นในทุกๆทาง บทหนังแข็งแรง การเล่าเรื่องมีจังหวะ ติดอยู่แรกเตอร์ต่างๆเต็มไปด้วยมิติ แปลงเป็นส่วนประกอบที่เอามายำรวมกันแล้วนั้น ออกมาได้ดีมากยิ่งกว่าที่มุ่งหมายเอาไว้ก่อนที่จะเข้าโรงไปดูดู

โดยตอนเด่นๆจากผลงานคุณครูอิโตะที่เลือกมาในซีรีส์นี้ แม้ว่าจะมีทั้งยัง ‘โทมิเอะ ตอนรูป’ แล้วก็ ‘ลูกโป่งหัวมนุษย์’ แม้กระนั้นก็น่าฉงนใจที่ผู้ผลิตกลับเลือกตอนจากเรื่องสั้นชุด ‘ญาติฮิคิซึริปั่นป่วนพิศดาร’ ที่มีรสแบบตลกโปกฮาร้ายเหมือนชุด ‘คำสาปแช่งของโซอิจิ’ มาเป็นตอนเปิดของซีรีส์ เพราะเหตุว่าชุดญาติพี่น้องฮิคิซึริมิได้เป็นที่ชื่นชอบเท่าชุดโซอิจิ รวมทั้งการเปิดชุดแอนิเมะสยดสยองด้วยเวลาที่ขำขันรวมทั้งดูแคลนสมองมิได้มีผลดีกับผู้ที่มาพึงพอใจเริ่มมองเลย

ไอ้ไข่ ลูกศิษย์วัดเจดีย์ เล่าย้อนไปในโบราณกาล พระธุดงค์ผู้มีญาณบารมีเด่นรูปหนึ่งได้นำใจของเด็กผู้ชายวัย 10 ขวบ มาอาศัยไว้ที่วัดร้างบ้านสังสรรค์ อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยได้สั่งย้ำ “ให้อยู่เฝ้าสถานที่ที่นี้ จนกระทั่งจะมีผู้มีบุญญาบารมีมาถึง” เด็กผู้ชายผู้นั้นก็อุทิศตนรักษาสัจจะที่ให้ไว้กับพระธุดงค์ตลอดมา เวลาล่วงอีกแทบร้อยปี เก่ง รวมทั้ง เปี๊ยก สองญาติเดินทางพนันตีไก่จากนครหลวงสู่เมืองนครศรีธรรมราช เก่งเอาไอ้แดงไก่ชนคู่บุญคู่กรรมไปชนกับไก่ของอันธพาลเจ้าถิ่นจนกระทั่งแพ้พนันหมดตูด

เก่งและก็เปี๊ยกหลบซ่อน รวมทั้งจำเป็นต้องไปอาศัยวัดร้างแห่งหนึ่งเป็นที่อยู่ที่อาศัยชั่วครั้งชั่วคราว และก็นี่เป็นจุดกำเนิดที่ทั้งสองได้เจอกับเด็กคนชายผู้นั้นในวัดร้าง เก่งเรียกเขาว่า “ไอ้ไข่” โดยที่เก่งไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าไอ้ไข่ไม่ใช่เด็กปกติ อย่างไรก็ดีตอน ‘ศพตุ๊กตา’ ที่มาปิดสั้นๆในตอนแรกกับงานภาพที่น่ากลัวของศพตุ๊กตาต้นแบบคุณครูอิโตะก็เพียงพอจะมีผลให้มองยังมีหวังขึ้นบ้างนอกไปจากการหยอดส่วนประกอบกิมไม่กในตอนแรกๆไว้ภายในตอนอื่นๆที่มาคราวหลังด้วย

อันธพาลเจ้าถิ่นที่เก่งไปมีเรื่องมีราวสำหรับการพนันไก่ชนนั้น เป็นลูกชายของ ขุนสมาน ผู้กว้างขวางที่สิชล ขุนสมาน เองก็เพียรพยายามที่จะขุดหาทรัพย์สินในวัดร้างนั้นมารักษาไว้เองอยู่หลายคราว แม้กระนั้นไม่เคยเสร็จ เนื่องจากว่าอำนาจศักดิ์สิทธิ์ไอ้ไข่ที่รอคุ้มครองปกป้อง ขับไส ไม่ให้พวกคนหัวใจโฉดเข้ามาลักขโมยทรัพย์สมบัติร้อนถึง เสือเมือง จอมขมังเวทย์ที่รีบเริ่มเดินทางมาถึงบ้านสังสรรค์ เพื่อเข้าสมทบกับขุนสมานจัดเตรียมจัดแจงไอ้ไข่ขั้นเด็ดขาด

รีวิว PLANE

ตรงน่านฟ้าเดือดเกาะเมืองนรก หนังเรื่องใหม่ที่นำแสดงโดย Gerard Butler ถ้าเกิดมองแต่ว่าแบบอย่างแล้วก็เรื่องย่อ ในความนึกคิดแรกของหนังเป็นทายใจไปแล้วว่านี่เป็นหนังแอ็คชันธรรมดา ที่พล็อตมิได้สลับซับซ้อน เสมือนหนังแอ็คชันเรื่องที่ผ่านๆมาของเฮียมึง ยกตัวอย่างเช่น หนังเครือญาติ Has Fallen ฯลฯ แม้กระนั้นผลที่ตามมา Plane มันไม่ใช่หนังอย่างนั้น มันไม่ใช่หนังแอ็คชันเพียวๆที่เต็มไปด้วยห่าลูกกระสุน

แต่ว่ามันเป็นหนังเอาชีวิตรอดของกัปตันเรือบินคนนึง ซึ่งมันมีแอ็คชันเป็นองค์ประกอบล่ะ แต่ว่ามันก็มิได้เยอะแยะหรือจัดเต็มแบบเชื้อสาย Has Fallen แบบงั้นตัวหนังกล่าวถึงเรื่องของกัปตันที่จำเป็นต้องนำเครื่องบินลงจอดเร่งด่วนบนเกาะแห่งหนึ่งที่ใดไม่รู้จัก ผลที่ตามมาเกาะที่นั้นเป็นสถานที่อันตรายที่มีกองกำลังแยกดินแดนตั้งอยู่ พวกเขาก็เลยจำเป็นต้องเอาชีวิตรอดบนเกาะที่นี้ก่อนที่จะความให้การช่วยเหลือจะมาถึง

สำหรับหนังประเด็นนี้เป็นฝีมือของผู้กำกับหนังไทยที่ชำนาญมาเป็นสิบปี อย่าง “ธีรธร เชาวนโยธิน” ที่ชอบถนัดงานสร้างภาพยนตร์สยองขวัญหรือหนังที่แอบแฝงไปด้วยข้อคิดเตือนใจกฎแห่งกรรม หากว่าผลงานของเขาที่ผ่านๆมาบางทีอาจจะไม่เป็นที่กระจ่างต่อสายตารวมทั้งแวดวงภาพยนตร์ไทยสักเท่าไหร่ แม้กระนั้นการได้มาถือจับงานสร้างภาพยนตร์ ไอ้ไข่ ลูกศิษย์วัดเจดีย์ หัวข้อนี้ก็นับได้ว่าเป็นลับคมความสามารถของเขาได้ดิบได้ดีไม่น้อย ชี้ให้เห็นว่างานที่สเกลใหญ่ขึ้น เขาก็สามารถต่อกรกับมันได้อยู่

บางครั้งอาจจะจะต้องบอกกันตรงๆว่า ไอ้ไข่ ลูกศิษย์วัดเจดีย์ ยังไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟ็คในทุกด้านอะไร หนังยังเต็มไปด้วยจุดแหว่งแล้วก็ช่องว่างเยอะมากเยอะไปหมด การเล่าเรื่องของหนังค่อนข้างจะยวนยานเกินจำเป็นไปนิดหน่อย เนื่องจากมัวไปเสียเวล่ำเวลาอยู่กับการปูเรื่องรวมทั้งเกริ่นเรื่องในตอนครึ่งแรกเป็นชั่วโมง แม้กระนั้นเพียงพอสามารถจับทางรวมทั้งเข้าเรื่องของหนังได้แล้วนั้น ก็จัดว่าตัวหนังออกจะไหลลื่นก้าวหน้าเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะยังเป็นรสที่มิได้ให้ความอร่อยแบบธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก

ยุยงนจองอี (Kim Hyun-joo) ทหารรับจ้างหญิงเก่งของกองกำลังผู้ช่วยเหลือ ควรเป็นทหารรับจ้างเพื่อหารายได้มารักษา ยุยงนซอฮยอน (Kang Soo-youn) บุตรสาวของคุณที่มีอาการป่วยเป็นโรคเนื้องอกในปอด ในวันที่ซอฮยอนเข้ารับการผ่าตัด จองอีได้ทำภารกิจต่อสู้ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งทำให้คุณตกอยู่ในสภาวะรุนแรง หน่วยงานวัวรนอยด์ (Kronoid) สถาบันปรับปรุงทางเทคโนโลยี AI ได้ทำข้อตกลงที่จะก๊อปปี้ข้อมูลที่ได้มาจากสมองของจองอีเพื่อนำไปปรับปรุงกองทัพหุ่นยนต์

ส่วนบุตรสาวอย่างซอฮยอน โตขึ้นแปลงเป็นหัวหน้าทีมศึกษาค้นคว้าแผนการนี้ ภายใต้อำนาจบังคับของผู้อำนวยการ Kronoid จอมเวอร์วังตระการตาอย่าง ซังฮุน (Ryu Kyung-Soo) ไอ้ไข่จะยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับพระธุดงค์ได้หรือเปล่า? ส่วนเก่งก็ระแวงดวงใจว่าไอ้ไข่ไม่ใช่มนุษย์ มิตรภาพก็เลยกำเนิดรอยร้าวครั้งใหญ่ บทพิสูจน์ที่เลื่อมใสรวมทั้งปาฏิหาริย์กำลังท้าทุกตำนานที่เคยเกิดขึ้น

เพียงแค่อ่านเรื่องก็รู้สึกได้ใช่ไหมนะครับว่านี่มันพล็อตหนังไซไฟการศึกอวกาศแบบฮอลลีวูดนี่ทุ่งนา รวมทั้งแน่ๆว่าควรจะมีความรู้สึกต้องการมองเห็นฉากต่อสู้กันระหว่างคนกับหุ่นยนต์ คนกับ AI หรือขั้นต่ำๆก็เป็นการต่อสู้ระหว่างอุดมการณ์ของคนตัวเล็กๆกับหลักการทุเรศของหน่วยงานราชการ อะไรทำนองนี้ และก็จะว่าไป หนังมีวัตถุดิบที่ล้ำค่ามากมายๆซึ่งก็คือ Massage ของหนังขอรับ มันไม่ใช่แค่การศึกต่อสู้ระหว่างคนกับหุ่นยนต์ หรือแนวหุ่นยนต์ครอบครองโลกแบบที่ฮอลลีวูดทำกันมาแล้วล่ะ

แต่ว่ามันล้ำเลยไปกล่าวถึงของศีลธรรมและก็มนุษยธรรมของ AI แล้วก็การหวงข้อมูลส่วนตัว ที่ไม่ใช่แค่ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเพียงแค่นั้นแล้ว แม้กระนั้นมันเป็นข้อมูลในสมองของพวกเราเองต่างหาก ตัวบทถามเอาไว้ได้น่าทึ่งมากมายครับว่า ถ้าหากวันหนึ่งกำเนิดพวกเราตายไป แล้วมีคนจูบลักขโมยเอาข้อมูลที่ได้มาจากสมองของพวกเราเอาไปใส่ด้านในหุ่น AI เพื่อหุ่นยนต์เอาอย่างรูปแบบการทำงานของพวกเรา ปริศนาเป็น หุ่นยนต์ตัวนั้นจะนับได้ว่าเป็น ‘ตัวเรา’ ด้วยหรือไม่ ?